โดย รจนา ณ เจนีวา
ซีรี่ย์ย้อนยุคปี พ.ศ. ๒๕๔๙ สามเดือนหลังภัยสึนามิที่เขาหลัก สถานที่แห่งประวัติศาสตร์ที่รวมและแสดงพลังของอาสาสมัครจากทั่วโลก…เพื่อร่วมสร้าง Hope (ความหวัง) Spirit (กำลังใจ) และ Renewal (การฟื้นฟู)
ตอน : คุณหนู/คุณนายเข้าค่าย
แอ่นแอ๊น
ขอเล่าถึงตัวละครตัวแรกก่อน คือ แม่หญิงแห่งเมืองน้ำแข็ง แม่บ้านคนนี้เองค่ะ ไม่ขอถล่มตัวละค่ะ แม่บ้านไทยวัยกลางคนต้น ๆ (อีกนัยหนึ่งคือยังสาวน้อยค่ะ) ที่บินลัดฟ้า ทิ้งพ่อบ้านให้ล้างจาน ซักผ้า ล้างรถ ดูแลบ้าน ทำกับข้าวเอง เสียหนึ่งเดือน เพื่อมาร่วมสังฆกรรมอาสาสมัคร ด้วยใจปรารถนาจะได้มาเป็นส่วนหนึ่งของพลังทางสังคมน้อยๆนี้ เพื่อมาเห็นความจริง มาร่วมรับรู้ในโชคชะตาของเพื่อนร่วมชาติ และมาดูว่า เราจะช่วยอะไรได้ด้วยแรงน้อย ๆ ของเรานี้
มาถึงวันนี้(ครบสามวัน)แม่บ้านสรุปได้อย่างหนึ่งค่ะ ว่าตัวเองเหมือนคุณหนู(หรือคุณนาย)ไปเข้าค่ายค่ะ ถ้าจะใช้คำว่า เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ก็คงไม่ผิดนัก ความที่ชีวิตของเราที่เมืองเจฯนั้นสุขสบาย ไม่มีอะไรมากล้ำกราย การมาถึงศูนย์อาสาสมัครที่เต็มไปด้วยผู้คนที่หลากหลาย วินัยที่ต้องใช้ร่วมกัน พื้นที่ที่ต้องใช้ร่วมกัน เป็นการปรับตัวครั้งยิ่งใหญ่ แม่บ้านเล่าไม่อายหรอกค่ะ เมื่อนั่นคือความจริง
ไอ้ที่บอกว่าเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อก็เพราะพอแม่บ้านรู้ว่า จะต้องนอนกับคนอื่นอีกสองคน แล้วก็ได้ข่าวแว่ว ๆ ว่า ตอนเช้า ๆ น้ำมักจะไม่ไหลแม่บ้านก็เลยขอไม่พักที่รีสอร์ทซึ่งเป็นที่ตั้งของศูนย์ทำการ ขอไปพักข้างนอก เอาสะดวกที่พัก แต่ลำบากเรื่องการเดินทาง ในที่สุดก็ได้พักในเกสต์เฮ้าส์สะอาดสะอ้านเจ้าของเป็นลุง(ไม่แท้)ของน้องที่มาจากสนามบินด้วยกันค่ะ เห็นไหมคะ แม่บ้านนี่เป็นคุณหนูรักสบายตัวจริงค่ะ แล้วเราก็ทำเป็นอ้างว่าจะได้ช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นสร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการรายย่อย เก๋ไหมคะ
คุณหนูอนามัย
แล้วห้องน้ำที่ใช้ร่วมกัน บางทีมันก็มีน้ำในชักโครกบ้างไม่มีบ้างค่ะ ทางศูนย์เขาเลยเอาขวดน้ำพลาสติคขนาดห้าลิตรไปใส่ไว้ในห้องน้ำให้เราเอาน้ำจากสายชำระเติมเอง และเทลงชักโครกแทน….ก็พอถูไถค่ะ กระดาษทิชชู่เราต้องคอยตรวจดูเองว่ามีหรือไม่ แม่บ้านทั้งวันจึงแทบไม่เข้าห้องน้ำเลย (อากาศร้อน มีเหงื่อ เลยไม่ปวดปัสสาวะ) แล้วกลับไปเข้าห้องน้ำที่เกสต์เฮ้าท์แทน เห็นไหมคะ ว่าคุณหนูคุณนายขนาดไหน เริ่มหมั่นไส้หรือยังคะ?
ที่ทำใจยากหน่อย คือ การล้างจานร่วมนี่แหละค่ะ เขามีน้ำล้างจานสี่น้ำ ซึ่งดูเหมือนน่าจะพอ น้ำแรกก็มีน้ำยาล้างจาน ฟองขาวดี แต่หากเอาจานที่ยังเลอะน้ำแกงล้างลงไปสักยี่สิบใบ น้ำยาก็เริ่มสู้ไม่ได้แล้วค่ะ พอลงน้ำสองก็ยังมีไขมันลอยอยู่ แม้จะไปน้ำที่สามซึ่งเป็นน้ำด่างทับทิมเพื่อฆ่าเชื้อก็ฆ่าได้แต่เชื้อ แต่ไม่ฆ่าไขมันค่ะ เพราะน้ำด่างก็เป็นมันลอยเหมือนกัน พอลงน้ำสุดท้ายน้ำที่สี่ อึ๋ย จานยังมันอยู่เลยค่ะ เลยรู้สึกไม่สนิทใจกับจานเหล่านั้น ทำให้แม่บ้านเลี่ยง ๆ ไม่ค่อยอยากทานอาหารที่ศูนย์ค่ะ อาหารเขาอร่อยดีทีเดียว แต่แม่บ้านทำใจกับจานที่ล้างแล้วยังมัน ๆ อยู่ไม่ได้ค่ะ จะไปเสนอให้เขาเปลี่ยนน้ำบ่อย ๆ ก็กลัวว่า จะไปทำให้งานเขายุ่งยากมากขึ้น พอมาสรุปดูแล้ว จานที่ล้างตามร้านอาหาร หรือรถเข็นก๋วยเตี๋ยวก็คงมีสภาพไม่ต่างกันเท่าไร จึงสรุปว่า ตัวเองอนามัยจัดค่ะ ใครที่อยากเป็นกิ๊กด้วย ฟังแล้วอยากถอนตัวหรือยังคะ?
แม่บ้านสังเกตว่าคนอื่นๆที่เคยมาไม่มีใครบ่นเรื่องความลำบากเหล่านี้ คาดว่าพวกเธอและเขามีความทรหดอดทน อยู่ไหนอยู่ได้ แม่บ้านก็เลยสรุปกับตัวเองว่า ฉันแก่เกินไปสำหรับค่ายเยาวชนนี้เสียแล้ว
(หมายเหตุ แต่ตอนที่โพสต์เรื่องนี้ เหตุการณ์ทั้งหมดผ่านไป ขอรายงานด้วยความภูมิใจว่า คุณหนูได้กลายเป็นชาวค่ายกินอยู่แบบชาวค่ายได้ไม่ขัดเขินในท้ายที่สุดค่ะ ตอนล้างจานก็แอบไปล้างน้ำก๊อกเป็นน้ำสุดท้ายอีกนิดนึง ใครได้ใช้จานเราต่อจะได้ไม่กระอักกระอ่วน หุหุหุ)
ค่ายของพวกเรา
ก่อนจบตอน ขอให้ภาพ ศูนย์อาสาสมัครสึนามิ นิดนึงค่ะ แม่บ้านขอเรียกว่า “ค่าย” ให้เก๋ๆ เพราะเป็นเหมือนค่ายจริง ๆ ที่มีกิจกรรมสร้างสรรให้ทำไม่หยุดหย่อน
ที่ศูนย์ฯนี้ดัดแปลงมาจากรีสอร์ทบนเนินเขาที่ไม่ถูกคลื่นยักษ์กวาดใส่ สภาพยังอยู่ครบถ้วนดี มีบังกะโลกระจายกันอยู่สักสามสิบหลังซ่อนตัวระหว่างต้นไม้ใหญ่ ต้องเดินขึ้นเนินเขาไปตามบังกะโลหลังต่าง ๆ สำนักงานอยู่เกือบติดถนน มีสามชั้น คือ ชั้นระดับพื้น (ที่ต้อนรับ ที่ดื่มกาแฟ ที่ทำงานของอาสาสมัคร ที่ประชุม ที่ติดบอร์ดประกาศต่างๆ) ชั้นดาดฟ้า (ที่ทำงาน) และชั้นล่าง (ห้องครัว ห้องล้างจาน ลานทานอาหาร ลานเอนกประสงค์ อินเตอร์เน็ตคาเฟ)
รีสอร์ทนี้ซึ่งสร้างคร่อมหุบเขาเล็ก ๆ ต้นไม้ใหญ่เพียบค่ะ เขียว เย็น ร่มรื่น อยู่ติดถนนใหญ่ ตรงช่วงทางโค้งขึ้นเขาพอดีค่ะ หน้ารีสอร์ทมีป้ายและธงทิวบอกว่าเป็นศูนย์อาสาสมัครฯ หาไม่ยาก รถทัวร์ รถประจำทาง รถของคนแถวนี้รู้จักพวกเราดี พวกเราก็โบกรถไปมาหน้าศูนย์นี้แหละค่ะ มีแขกมาขอข้อมูลก็ตรงนี้ แต่ตอนแม่บ้านกลับจากเขาหลักต้นเดือนเมษายน เราได้ย้ายสำนักงานไปที่ตึกแบบรีสอร์ฺทเล็กๆหน้าทางเข้าอุทยานแห่งชาติเขาหลัก-ลำรู่ สวยน่ารัก ห่างกันไปแค่ร้อยเมตรเท่านั้น
รูปภาพประกอบ
สำหรับภาพที่นำมาลงนี้ ไม่เกี่ยวอะไรกับห้องน้ำและการล้างจานนะคะ ภาพแรกเป็นทิวทัศน์จากหน้าเกสต์เฮ้าส์ที่ไปพักค่ะ พระอาทิตย์สวยมาก แสงอัสดงโลมไล้ชายหาดที่ยังเกลื่อนไปด้วยซากแห่งความเสียหาย ชวนให้ปลงอนิจจังได้มาก ภาพที่สองคืออาสาสมัครนั่งล้อมวงทานอาหารเย็นอย่างเฮฮา ภาพสุดท้ายคือ ศิลปะบนผนังโดยเด็ก ๆ ที่ค่ายบางม่วงค่ะ ภาพศูนย์ฯแห่งใหมนั้น ป้าแก่ชิงเอาลงไปแล้ว และสวยด้วย จึงจะไม่เอามาลงซ้ำแล้วกันนะ ป้าแก่นะ
แม่บ้านคุณหนูค่ะ