กิจกรรม ไฮไลท์

วิดีทัศน์พิเศษจากกระทรวง พม. เพื่ออาสาสมัครเครือข่ายหญิงไทยในยุโรป เครือข่ายหญิงไทยในยุโรป ขอแสดงความขอบคุณอย่างสูงต่อ

  • นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
  • นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวง
  • นางสาวแรมรุ้ง วรวัธ อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว

ที่ได้ร่วมกันสนับสนุนและส่งต่อวิสัยทัศน์ผ่านเวทีระดับนานาชาติ ด้วยการนำเสนอและอภิปรายพิเศษในหัวข้อ

“บทบาทของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์กับการส่งเสริมศักยภาพสตรี ความเท่าเทียมระหว่างเพศ และความเข้มแข็งของครอบครัว”

ผ่าน วิดีทัศน์ความยาว 27 นาที ที่เปี่ยมพลัง สะท้อนความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการขับเคลื่อนประเด็นด้านสังคม สิทธิสตรี และครอบครัวอย่างเป็นรูปธรรมในเวทีระดับนานาชาติ

การสนับสนุนครั้งนี้ไม่เพียงสร้างความภาคภูมิใจให้กับอาสาสมัครหญิงไทยในยุโรป (เสียงปรบมือดังกึกก้องในห้องประชุม) แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจที่สำคัญต่อการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคประชาสังคมอย่างยั่งยืน

เวิร์กช็อปแบบ World Café  แบ่งเป็น 4 กลุ่ม แต่ละกลุ่มหมุนเวียนทำกิจกรรม กลุ่มละ 25 นาที

กลุ่ม 1 เข้าใจความรุนแรง รู้ทางช่วยเหลือ โดย นางพยุงศรี กุลวงศ์

กลุ่มนี้ได้มีการแนะนำเพื่อเปิดประเด็นให้ หญิงไทยตระหนักรู้และเข้าใจเรื่องความรุนแรงในครอบครัว รวมถึงแนวทางในการขอความช่วยเหลืออย่างเหมาะสม โดยเริ่มต้นจากการ ระดมความคิดเห็นและแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับนิยามของคำว่า ความรุนแรง หมายถึง การกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายทั้งทางร่างกาย จิตใจ หรือทรัพย์สินต่อบุคคลหรือกลุ่มคน โดยอาจเกิดจากแรงกาย คำพูด หรือพฤติกรรมที่มีเจตนากดขี่ บีบบังคับ หรือทำลาย ซึ่งคำนิยามของแต่ละท่านอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลและแต่ละบริบท

ผู้เข้าร่วมยังได้ เน้นย้ำว่าผู้ที่เผชิญกับความรุนแรงสามารถขอความช่วยเหลือได้ในทุกประเทศ อย่างไรก็ตาม วิธีการรับมือของระบบในแต่ละประเทศต่อสถานการณ์ดังกล่าวอาจแตกต่างกัน เช่น ในบางประเทศ การออกจากบ้านโดยไม่แจ้งตำรวจหรือทนายความล่วงหน้า อาจกระทบต่อสิทธิของผู้ถูกกระทำในกระบวนการยุติธรรมภายหลัง จึงควรมีการวางแผนและเตรียมการอย่างรอบคอบ เช่น การจัดเตรียมของใช้จำเป็น หรือเอกสารสำคัญก่อนออกจากบ้าน

นอกจากนี้ ยังมีการพูดคุยถึง ขอบเขตของการให้ความช่วยเหลือโดยอาสาสมัครเพื่อให้สามารถให้การสนับสนุนได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่ล้ำเส้นในด้านกฎหมายหรือความเป็นส่วนตัวของอาสา

กลุ่ม 2 สังเกตสัญญาณปัญหาในชีวิตคู่ โดย นางกรชวัล ทูรสัน

การสังเกตสัญญาณของปัญหาในชีวิตคู่ สามารถแบ่งออกได้เป็นหลายระดับ ได้แก่

  • ระดับตัวตนและจิตใจ เช่น ความรู้สึกถูกลดทอนคุณค่า การถูกควบคุม หรือการรู้สึกไม่มีความสุขในความสัมพันธ์
  • ระดับภายนอก ซึ่งรวมถึงปัญหาทางด้านการเงิน การควบคุมทรัพย์สิน หรือเอกสารสำคัญ เช่น หนังสือเดินทาง บัตรประจำตัว ฯลฯ

หากมีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เช่น การทะเลาะรุนแรง การร้องไห้ ความเจ็บปวดทางร่างกาย หรือการมีร่องรอยฟกช้ำควร เก็บหลักฐานเหล่านั้นไว้ และจงตระหนักว่า นี่ไม่ใช่สิ่งที่ควรเกิดขึ้นกับคุณในความสัมพันธ์ที่ดี

การทำร้ายร่างกายหรือจิตใจไม่ใช่สิ่งที่สามารถยอมรับได้ ไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม
ทั้งนี้ ความแตกต่างทางวัฒนธรรม อาจเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดความไม่เข้าใจในชีวิตคู่ได้ เช่น กรณีที่สามีไม่เข้าใจว่าภรรยาส่งเงินกลับบ้านเกิด ซึ่งอาจนำไปสู่ความขัดแย้งหากไม่มีการพูดคุยอย่างเปิดใจ

เมื่อเราสังเกตเห็นถึง สัญญาณของปัญหาในความสัมพันธ์ ควรรีบหาทาง ปรับเปลี่ยน พูดคุย หรือจัดการอย่างจริงจังโดยไม่รอช้า ก่อนที่สถานการณ์จะลุกลามจนเกินเยียวยา

กลุ่ม 3 ความอดทนในชีวิตคู่ จะทำได้แค่ไหนและจะเลี่ยงได้อย่างไร โดย นางประไพรัตน์ มิกซ์

หัวข้อ ความอดทนในชีวิตคู่ จะอดทนได้แค่ไหน และจะเลี่ยงความขัดแย้งได้อย่างไรถูกเปิดประเด็นด้วยคำถามสำคัญเกี่ยวกับขอบเขตของความอดทนในความสัมพันธ์ ว่าเราควรอดทนต่อสิ่งใด และเมื่อใดที่ความอดทนกลายเป็นการยอมรับความรุนแรงโดยไม่รู้ตัว

กลุ่มได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับ ความรุนแรงในชีวิตคู่ โดยตั้งคำถามว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นความรุนแรง หรือเป็นเพียงความแตกต่างทางวัฒนธรรม?” เช่น บางวัฒนธรรมอาจมีการใช้เสียงดัง พฤติกรรมก้าวร้าว หรือความคาดหวังที่ต่างกัน ซึ่งในบางครั้งอาจทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรู้สึกถูกกดดันหรือไร้คุณค่า

หนึ่งในเครื่องมือที่ถูกหยิบยกขึ้นมาในการอภิปรายคือ “Wheel of Power and Control” (วงล้อแห่งอำนาจและการควบคุม) ซึ่งเป็นแนวคิดที่ช่วยอธิบายรูปแบบต่างๆ ของความรุนแรงในครอบครัวที่ไม่จำกัดแค่การทำร้ายร่างกาย แต่รวมถึง

  • การควบคุมทางการเงิน
  • การควบคุมการเข้าสังคมหรือความสัมพันธ์กับคนอื่น
  • การใช้คำพูดลดทอนคุณค่า
  • การทำให้รู้สึกผิดหรือหวาดกลัว

วงล้อนี้ช่วยให้เข้าใจว่า ความรุนแรงสามารถเกิดขึ้นได้หลายรูปแบบ และอาจซ่อนอยู่ภายใต้ ความอดทนที่สังคมหรือครอบครัวคาดหวังให้ผู้หญิงแสดงออก

อีกประเด็นสำคัญที่มีการพูดถึงคือ บทบาทของแม่สามี ที่ในบางความสัมพันธ์มีอิทธิพลต่อคู่รักอย่างมาก และอาจนำไปสู่ความขัดแย้ง หรือสร้างแรงกดดันให้ฝ่ายหญิงรู้สึกว่าต้อง อดทนเพื่อรักษาภาพของความเป็นครอบครัวที่ดี ซึ่งเป็นคำถามที่ท้าทายว่า

เราควรอดทนเพื่ออะไร?”
ควรจัดการความสัมพันธ์กับแม่สามีอย่างไร หากเกิดความไม่เข้าใจ หรือการแทรกแซงมากเกินไป?”

กลุ่มได้เสนอแนวทางว่า การ สื่อสารอย่างเปิดใจและเคารพซึ่งกันและกัน เป็นกุญแจสำคัญ รวมถึงการ กำหนดขอบเขตของความสัมพันธ์อย่างชัดเจน ทั้งกับคู่ชีวิตและบุคคลรอบข้าง หากการอดทนนำไปสู่การสูญเสียตัวตน หรือความรู้สึกปลอดภัยในชีวิต ควรพิจารณาว่าการอดทนครั้งนั้น คุ้มค่าหรือไม่และมีทางเลือกอื่นที่ดีกว่าหรือไม่

กลุ่ม 4 สร้างพลังใจและเสริมสร้างพลังภายใน โดย นางจุฑาทิพย์ ตาฬุมาศสวัสดิ์ ซีเบน

กิจกรรมนี้มีจุดประสงค์เพื่อส่งเสริม การสร้างพลังภายใน (Empowerment) โดยเน้นให้ผู้เข้าร่วมได้ค้นพบและเสริมสร้างพลังใจของตนเอง พร้อมทั้งสามารถส่งต่อพลังบวกและแรงสนับสนุนให้ผู้อื่นได้ ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับอุปสรรคหรือปัญหาขนาดเล็กหรือใหญ่เพียงใด

กิจกรรมเริ่มต้นด้วยการเปิดวงสนทนาให้สมาชิกภายในกลุ่มร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับ ปัญหาที่เคยเผชิญเมื่อต้องย้ายถิ่นฐานมายังยุโรป ปัญหาที่ถูกหยิบยกขึ้นมามีหลากหลาย เช่น

  • อุปสรรคด้านภาษา
  • ความยากลำบากในการปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมและสังคมใหม่
  • ความรู้สึกโดดเดี่ยว
  • ปัญหาความรุนแรงในครอบครัว และการหย่าร้าง

หลังจากนั้น วิทยากรได้ชวนให้ผู้เข้าร่วมสะท้อนว่า อะไรคือสิ่งที่ทำให้คุณก้าวผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาได้?”
คำตอบจากหลายคนมีความหลากหลายแต่เต็มไปด้วยพลัง เช่น

  • การมองโลกในแง่ดี (Positive thinking)
  • การรู้เท่าทันตนเอง และไม่ลดคุณค่าของตนเอง
  • การปรับตัวและสร้างความยืดหยุ่น
  • การจัดลำดับและวางปัญหา เพื่อมองหาทางออกอย่างเป็นระบบ
  • การแสวงหาความรู้เพิ่มเติมและพัฒนาทักษะที่จำเป็นในประเทศปลายทาง

สิ่งสำคัญที่กิจกรรมนี้ได้เน้นย้ำคือการรักตนเองเป็นพื้นฐานในการสร้างพลังใจ โดยเชื่อว่าหากเรามีความรักและเคารพในตัวเอง เราจะสามารถเผชิญกับปัญหาได้อย่างเข้มแข็งและมั่นคงมากขึ้น

ในช่วงท้ายของกิจกรรม สมาชิกในกลุ่มได้ร่วม ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน และร่วมกันตั้งปฏิญาณว่า เราจะรักและดูแลตนเองในทุกๆ วัน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น และให้ทุกคนลองกอดตัวเองไปพร้อมๆกัน ซึ่งมีบางคนรู้สึกซาบซึ้งและแบ่งปันความรู้สึกกับเพื่อนในกลุ่มว่าตั้งแต่เกิดมาตนเองยังไม่เคยลองกอดตัวเองเลย กิจกรรมครั้งนี้นับเป็นการแลกเปลี่ยนที่เปี่ยมด้วยพลังบวก และช่วยเสริมสร้างแนวคิดสำคัญว่าการเริ่มต้นด้วยตัวเอง คือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง