สวัสดีค่ะ
กิจกรรมหนึ่งของภาคีหลากหลายประเทศของเครือข่ายหญิงไทยในยุโรปคือ การส่งเสริมและสนับสนุนให้เพื่อน ๆ คนไทยในยุโรปปรับตัวให้เข้ากับสังคมและสถานการณ์แวดล้อม ทั้งนี้เพื่อชีวิตอันมีศักดิ์ศรีและเสมอภาค
เพื่อนหลายต่อหลายคนบอกว่า “ไม่ง่ายเลยนะ” ดิฉันเองก็คิดเช่นเดียวกัน เราไม่ต้องซอกแซกหาเหตุผลไกลตัวค่ะ ทั้งนี้เพราะไม่ว่าเราจะศึกษาเรียนรู้มามากเพียงใด เนิ่นนานเพียงใด อย่างดีเพียงใด นอกเหนือจากนั้นยัง พูดภาษาท้องถิ่นและภาษาอื่น ๆ อีกสามภึงสี่ภาษาได้ คล่องแคล่วด้วยสำเนียงภาษาแม่ ประกอบและรับประทานอาหารแปลกลิ้นไม่ว่ากลิ่นจะประหลาดหรือเพียบด้วยคาลอรี่จำนวนมหาศาลก็ตาม
เพียงแต่เขาเห็นหน้าเรา ผิวคล้ำ ๆ (ก่อนขัด) จมูกแบน ๆ (ก่อนเสริม) หรือตาตี่ ๆ (ก่อนผ่า) หน้าอกแบน ๆ (ก่อนยัดให้ฟู) ชาวท้องถิ่นยุโรปส่วนใหญ่จะเริ่มมีความคิดอคติต่าง ๆ นานาทันที
ดิฉันเองคิดอยู่เสมอว่าควรพยายามปรับตัว เรียนรู้เพิ่มเติม เสียสละบางอย่างหรือหลาย ๆ อย่างเพื่อชีวิตภาคภูมิสงบสุขและประสบความสำเร็จ
เพื่อน ๆ เคยสังเกตไหมคะว่าไม่ว่าเราจะเดินอยู่ที่ไหนหรือทำอะไรอยู่ จะไม่มีใครมาถามทางเรา (ขอไม่พูดถึงคนสมัยใหม่ที่คุยกับเครื่องอิเลกโทรนิกส์เท่านั้น) บ่อยครั้งเวลาดิฉันเดินอยู่แถวบ้าน หรือยืนคอยรถประจำทางจะมีรถชะลอลงเพื่อถามทาง แต่เมื่อคนขับหรือคนที่นั่งข้าง ๆ ในรถเห็นหน้าดำ ๆ เขาจะเร่งเครื่องแล่นผ่านไปถามคนอื่นข้างหน้า ที่หน้าตาบอกลักษณะ “ ท้องถิ่น ” ทันที ทั้ง ๆ ที่ดิฉันท้าพนันได้เลยว่าดิฉันสามารถบอกทางได้ถูกต้อง ไม่คลาดแม้แต่มิลลิเมตรเดียว
บางครั้งเมื่อเขายื่นหน้าออกมาแล้ว เขาคงคิดว่าจำเป็นต้องถามซะหน่อย แต่ดิฉันทราบดีว่า หลังจากนั้นเขาจะหยุดรถถามคนข้างหน้าต่อไปอย่างแน่นอน
หลายครั้งดิฉันอยากแกล้งบอกไปผิด ๆ แกล้งให้หลงซะให้เข็ดเสียเลย
จนกระทั่ง…
…วันหนึ่งดิฉันยืนรอรถประจำทางข้าง ๆ คนลักษณะ “ ท้องถิ่น ” อีกสองสามคน รถคันหนึ่งชะลอและจอดตรงหน้าดิฉันพอดี ผู้หญิงอายุกลางคนเปิดกระจก กล่าวสวัสดีก่อนถามทางไปโรงพยาบาลประจำจังหวัด ดิฉันตกตะลึง เธอมองหน้าดิฉัน เธอยิ้มให้ดิฉัน เธอถามดิฉัน จริง
หรือ…
จนกระทั่ง…
…วันหนึ่งดิฉันเดินทางไปธุระในเมืองหลวง ดิฉันเดินข้ามจตุรัสใหญ่กลางเมืองที่เต็มไปด้วยผู้คน สามีภรรยาคู่หนึ่งเดินตรงเข้ามาดิฉันอย่างไม่ลังเลและถามว่า ถ้าจะไปรัฐสภาจะต้องไปขึ้นรถหมายเลขอะไร ขึ้นได้ทีไหน ซื้อบัตรโดยสารในรถได้ไหม ดิฉันเองไม่คุ้นต่อถนนหนทางในเมืองหลวงเท่าไรนัก..ต้องขอบคุณความบังเอิญอยู่ในใจเพราะเพิ่งลงจากรถสายนั้นเมื่อสักครู่นี้เอง
จนกระทั่ง…
…ดิฉันกำลังเดินหาทางอยู่ที่สถานีรถไฟของเมืองใหญ่เมืองหนึ่งในอีกประเทศหนึ่งในยุโรป เด็กสาวเจ้าของประเทศถามดิฉันว่าสถานีรถประจำทางไปทางไหน…
เพื่อน ๆ บอกว่า ความรู้ ความเข้าใจและความตั้งใจช่วยให้มั่นใจ การแสดงออก ลักษณะท่าทางก็จะเปลี่ยนไปแสดงถึงความมั่นคง ไม่ขลาดกลัว ไม่ลังเล เป็นลักษณะท่าทางของผู้ที่พร้อมจะฝ่าฟันอุปสรรคที่ขวางหน้า นี่แหละที่ช่วยให้เราเข้าถึงความเสมอภาคได้อย่างแท้จริง สามีดิฉันมักพูดว่าต้อง “ มองโลกระดับเดียวกัน “
ดิฉันคำนึงถึงการทำงานของเครือข่าย ฯ ในอดีตจนถึงปัจจุบัน รวมเลยถึงโครงการในอนาคตใกล้ ๆ และความคิด “กระฉูด” ของเพื่อน ๆ ในเครือข่าย ฯ สำหรับกิจกรรมในโอกาสต่อ ๆ ไป
ดิฉันปลาบปลื้มและภูมิใจอย่างยิ่งว่างานของพวกเราชาวเครือข่าย ฯ รวมยาวนานกว่าสิบปีที่ผ่านมานั้นอยู่ในแนวทาง “สานปัญญา” เพื่อ “ก้าวไกล“ เสมอมา
การทำงานของเครือข่าย ฯ อาจเป็นหยดน้ำลงหิน แต่ “ น้ำหยดลงหิน ทุกวันหินมันยังกร่อน…” ไม่ใช่หรือคะ
นงลักษณ์ ใจสงฆ์ เทร็พพ์
พฤษภาคม ๒๕๕๗
มีมุมมองมากมายให้ขบคิด
มีแง่งามของชีวิตวิจิตรค่า
มีเรื่องราวพ้นผ่านกาลเวลา
มีปัญหาให้เรียนรู้อยู่ทั่วไป