ทักษะ หมายถึง ความชำนาญ ซึ่งเกิดจากการที่เราได้เคยเรียนรู้และเคยได้ลงมือทำแล้วจนเชี่ยวชาญระดับหนึ่งจนไม่ต้องอาศัยการศึกษาวิธีการอีกต่อไป
ดังนั้น ก่อนจะเกิดเป็นทักษะได้อาจจะอาศัยจากการฝึกอุปนิสัยก่อน เพราะเราใช้ชีวิตประจำวันด้วยความ “เคยชิน” และบ่งบอกถึงอุปนิสัยของแต่ละบุคคล ซึ่งอุปนิสัยนั้นก็เกิดมาจากความคิด คำพูด ตัดสินใจสู่การลงมือทำให้เกิดเป็น “ทักษะ” ในที่สุด
วันนี้จึงขออนุญาตแบ่งปัน 3 ทักษะที่เชื่อว่า ถ้าทุกคนฝึกฝนได้ จะช่วยให้การใช้ชีวิตในต่างประเทศมีความสุขยั่งยืน คือ
1. สามารถมองเห็นคุณค่าในตัวเองได้เสมอ (Self Esteem)
สำหรับหญิงไทยที่แต่งงานและย้ายมาอยู่ต่างประเทศ คาดว่าเราได้เกิดและเติบโตมาจากประเทศไทยอย่างน้อย 20 ปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งความอบอุ่นจากการได้อยู่กับครอบครัวที่รักและการได้ใช้ภาษาบ้านเกิด ความสุขจากการมีเพื่อนเคียงข้างและสนับสนุนเรามากมาย หรือยิ่งไปกว่านั้นบางคนมีช่วงเวลาแห่งความสำเร็จ มีโอกาสได้จบการศึกษาสูงพร้อมด้วยรางวัลแสดงคุณค่าของตนเอง หรือมีงานมีตำแหน่งงานที่ได้รับการยอมรับจากสังคม
แต่เมื่อเราต้องย้ายถิ่นฐานมาอยู่ในบ้านใหม่ประเทศใหม่ เราคงต้องเตรียมตัวเตรียมใจให้ดีว่าช่วงเวลาแห่งความอบอุ่น ความสุข ความสำเร็จเหล่านี้เราจะนำติดตัวเราได้อย่างไร เพราะเราไม่สามารถนำครอบครัว เพื่อน หรือแม้กระทั่งใบปริญญาบัตร รางวัลต่าง ๆ มาใช้แสดงคุณค่าในตัวเองได้ในประเทศใหม่ได้อีกต่อไป ตัวอย่างเช่น การจบปริญญาจากมหาวิทยาลัยชื่อดังในประเทศไทยซึ่งเป็นที่ยอมรับในสังคมไทย ไม่ได้หมายความว่าจะได้รับการยอมรับจากสังคมใหม่ที่เราย้ายมาอยู่เสมอไป ทักษะการทำงาน ประสบการณ์ที่เราเคยมีและได้รับการยกย่องในเมืองไทยอาจกลายเป็นสิ่งที่เราได้แต่เก็บเป็นความทรงจำที่ดีเท่านั้นเอง
สาหรับผู้ที่ไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจกับเรื่องนี้อาจจะรู้สึกคุณค่าของตัวเองหายไปอย่างสิ้นเชิง ซึ่งเป็นความรู้สึกที่อันตรายมาก เพราะเราเกิดอารมณ์เชิงลบในชีวิตใหม่ของเราในทันที
ทักษะหนึ่งที่เราสามารถฝึกฝนได้ คือ การหมั่นที่จะมองเห็นคุณค่าในตัวเราเองได้เสมอ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหน สถานที่ไหน โดยฝึกที่จะมองเห็นข้อดีของตัวเราและหมั่นขอบคุณตัวเองเป็นประจำ ตัวอย่างเช่น “ขอบคุณที่ตัดสินใจย้ายมาอยู่กับสามี ฉันช่วยให้สามีมีความสุข และตัวเองมีชีวิตที่สมบูรณ์มากขึ้น” หรือฝึกพูดคำว่า “ฉันช่างโชคดีเหลือเกิน” ตัวอย่างเช่น “ฉันช่างโชคดีเหลือเกิน ที่ได้มาอยู่ในประเทศที่อากาศดี ปราศจากมลพิษ” “ฉันช่างมีชีวิตใหม่ที่แสนสบาย มีเวลามากมายในการดูแลตัวเอง”
หากเราสามารถเห็นคุณค่าในตัวเองมากเท่าไร อารมณ์เชิงบวกจะเพิ่มขึ้นและเราจะหมั่นดูแลตัวเอง ฝึกฝนพัฒนาตัวเองให้เป็นที่รักในสังคมใหม่เสมอ ๆ และคนรอบข้างก็จะมองเห็นคุณค่าในตัวเรามากเท่านั้น และสิ่งดี ๆ จะเกิดปรากฏขึ้นในชีวิตใหม่ของเรามากขึ้น ๆ ไปเอง
2. รักที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่อยู่เสมอ
ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ไม่ว่าจะร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร โรงพยาบาล สปา ในราคาย่อมเยาว์ ซึ่งเป็นสิ่งที่หายากหรือถ้ามี อาจจะคิดราคาแพงมากในบางประเทศที่ผู้หญิงไทยย้ายมาอยู่ใหม่ เช่นประเทศในแถบยุโรปซึ่งมีค่าแรงสูง ดังนั้น อุปนิสัยหนึ่งที่เราจะช่วยเราได้มากคือ มีความรักและตื่นเต้นที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ เพื่อดำรงคุณภาพชีวิตของเราได้ตามปกติสุข
ทักษะหนึ่งที่จะช่วยให้คุณอยากเรียนรู้ใหม่อยู่เสมอคือ การฝึกฝนให้มองเห็นข้อดีจากการได้เรียนรู้และได้ทำสิ่งนั้นด้วยตัวเอง ยกตัวอย่างเช่น การทำอาหารด้วยตัวเอง หากเราทำอาหารเป็น จะมีผลดีต่อสุขภาพของเราเองอย่างมหาศาล เพราะเราสามารถเลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพสูง คือ ปลอดสารพิษทั้งหมด และยังควบคุมโภชนาการด้วยการลดปริมาณแป้ง น้ำตาล ไขมัน ซึ่งหากเราซื้อหาจากข้างนอก เราคงไม่สามารถกำหนดวัตถุดิบเองได้มากเท่านี้ แน่นอนว่า อาหารหรือขนมที่เราทำเอง เรามั่นใจ 100% ว่าอร่อยที่สุดและคุณภาพดีที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นหากคุณมีลูก คุณจะไม่ต้องกังวลเรื่องความสะอาดและโภชนาการของลูกอีกต่อไป เพราะคุณเป็นผู้กำหนดเองทั้งหมด
3. ทักษะในการตั้งเป้าหมายในชีวิต
การตั้งเป้าหมายในชีวิตเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยสร้างคุณค่าให้ตัวคุณเองได้ในประเทศใหม่ สังคมใหม่ได้อย่างดีเยี่ยม เพราะเราเป็นเจ้าของชีวิตตัวเอง ดังนั้น เราจึงควรเป็นผู้กำหนดเองว่าชีวิตในประเทศใหม่นี้เราอยากเห็นตัวเองประสบความสำเร็จอย่างไรในอีก 10 ปี 20 ปี หรืออีก 30 ปีข้างหน้า
เจนเชื่อว่า แม้เราจะถูกเรียกว่าเป็น “คนต่างด้าว” แต่เราโชคดีมากที่อยู่ในยุคแห่งอิสระภาพและความเท่าเทียมกันในสังคม เกือบทุกประเทศในโลกนี้ให้ความสำคัญกับคำว่าสิทธิเสรีภาพ ดังนั้น ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในโลกนี้เราจึงสามารถ “สร้างตัวตน” จากคนธรรมดาเป็นคนยิ่งใหญ่ได้เสมอ เพียงแต่เราต้องเชื่อมั่นและศรัทธาในตัวเองก่อน และมองหาเป้าหมายในชีวิต สิ่งที่เราปรารถนาอย่างแท้จริง
การตั้งเป้าหมายในชีวิตของเราให้ชัดเจนนั้น จะนำมาซึ่งการ “ลงมือทำ” และทำให้ชีวิตทุกเช้าของเราเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ท้าทายกับภารกิจใหม่ ๆ การพัฒนาตัวเอง ที่จะนำพาเราไปสู่เป้าหมายนั้น ๆ เอง เราอาจฝึกฝนจากเป้าหมายระยะสั้นก่อน เช่น ทักษะเรื่องภาษา “ฉันปรารถนาจะสื่อสารกับทุกคนที่ฝรั่งเศสได้ภายใน 6 เดือน” หากคุณมีแรงปรารถนามากพอ จะผลักดันให้คุณอยากจะตื่นเช้ามาเปิดหนังสือ ไปโรงเรียนเพื่อเรียนภาษาทุกวัน และเชื่อเถอะค่ะว่า คุณจะได้สิ่งที่คุณปรารถนาแน่นอน
“อย่าใช้ชีวิตอย่างไร้ทิศทาง อย่าให้สามีเป็นผู้ตัดสินใจทุกอย่างแทนเรา”
ผู้หญิงทุกคนมีศักยภาพมากกว่าการเป็นภรรยาหรือเป็นแม่บ้าน การตั้งเป้าหมายในชีวิตจะช่วยให้เรามีอิสรภาพการใช้ชีวิตได้อย่างร้อยเปอร์เซ็นต์ หากเราใช้ชีวิตอย่างมีทิศทางที่ชัดเจน คุณจะมีคุณภาพชีวิตและคุณภาพจิตที่ดีกว่าเพราะคุณเป็นผู้เลือก เป็นผู้จัดการชีวิตของตัวเอง