โดย รจนา ณ เจนีวา

ซีรี่ย์ย้อนยุคปี พ.ศ. ๒๕๔๙ สามเดือนหลังภัยสึนามิที่เขาหลัก สถานที่แห่งประวัติศาสตร์ที่รวมและแสดงพลังของอาสาสมัครจากทั่วโลก…เพื่อร่วมสร้าง Hope (ความหวัง) Spirit (กำลังใจ) และ Renewal (การฟื้นฟู)

ตอน : “ชีวิตไอมีความหมายมากขึ้น”

เพื่อนๆคะ

คืนแรกที่แม่บ้านมาถึงศูนย์ แม่บ้านได้รับเกียรติให้ไปช่วยหัวหน้าใหญ่ (จะเล่าถึงในภายหลัง) ให้ไปแปลสด ๆ ต่อหน้าที่ประชุม จากอังกฤษเป็นไทย เพราะเป็นการประชุมรวมอาสาสมัครทุกชาติทุกภาษา แม่บ้านก็ทำหน้าที่ด้วยความเต็มใจ (แม้จะยังเขินนิด ๆ เพราะยังใหม่อยู่ แต่อาศัย “สู้ไว้ก่อน ตัวเองสอนไว้”)

พอแปลในที่ประชุมเสร็จ ก็มีคนมาขอให้ประกาศเป็นภาษาอังกฤษหาคนช่วยซ่อมจักรเย็บผ้าให้หน่อย แม่บ้านก็เลยประกาศแบบสายการบิน “อาสาสมัครโปรดทราบ อาสาสมัครโปรดทราบ อาสาสมัครท่านใดที่สามารถซ่อมจักรเย็บผ้าได้ โปรดติดต่อที่คุณลีน่าด่วน”

ระหว่างที่ยืนประกาศนั้น ก็มีชายหนุ่มมากแล้ว พุงพลุ้ย ใส่กางเกงขาสั้นตัวเดียว เนื้อตัวชุ่มเหงื่อ หนวดเคราไม่ค่อยได้โกน เขามายืนข้าง ๆ รอให้แม่บ้านประกาศจบ แม่บ้านพูดจบก็หันไปถามว่า ตกลงเธอจะช่วยซ่อมหรือ เขาก็บอกว่า แน่นอน ดูป้ายชื่อก็เห็นชื่อว่า มาริโอ แม่บ้านฟังสำเนียงวิธีการพูดแล้ว คิดว่าคนนี้คงเป็นสวิสเยอรมัน พอถามก็ใช่จริง ๆ ด้วย ก็เลยได้คุยกันสองสามคำ แล้วเขาก็ไปเอาหัวจักรที่ว่าไปดูให้ ระหว่างนั้นแม่บ้านก็นั่งประชุมกับกลุ่มคนไทยต่อ

เรายังไม่ประชุมไม่เสร็จดี แม่บ้านก็เห็นมาริโอหิ้วจักรกลับมา แล้วเอาไปใส่คืนที่เดิม วันถัดไป แม่บ้านเห็นเขากำลังเอาถังขยะสำนักงานจะไปทิ้ง ก็เลยหยุดคุยกันนานพอสมควร โดยไม่ตั้งใจ มาริโอพูดภาษาอังกฤษไม่ถึงกับเก่งมาก แต่สื่อสารกันได้ดี เราคุยเรื่องค่าครองชีพในสวิตฯ เปรียบเทียบกับเมืองไทย ค่อนข้างถูกคอ

มาริโอเล่าสิ่งที่น่าสนใจว่า แต่ก่อนในโรงเรียนในสวิตฯจะมีการสอนนักเรียนหญิงเรื่องงานคหกรรมต่าง ๆ การเย็บปักชุนซ่อมแซมเสื้อผ้า การทำอาหาร การดูแลบ้านเรือน งานของผู้หญิงต่าง ๆ ส่วนผู้ชายก็จะเรียนเรื่องงานประปาอย่างง่าย ๆ การซ่อมแซมทั่วไปในบ้านเรือน งานไฟฟ้าง่าย ๆ เรียกว่า แบ่งงานตามเพศ มาริโอบอกว่า พอต้องทำงานบ้านเองก็เลยต้องถามแม่ตลอดเวลา เช่น จะซื้อเครื่องซักผ้าใหม่ ก็ต้องให้แม่เป็นคนแนะนำว่า ยี่ห้อไหนแบบไหนดี

ส่วนสาเหตุที่่มาริโอมาเมืองไทย ก็เพราะมาริโอป่วยต้องใช้ยาอย่างแรงเพื่อรักษา ทำให้ไม่สามารถทำงานได้ และก็หมอสั่งไม่ให้้ทำงาน มาริโอก็เฉา ทำอะไรไม่ได้ ทั้งที่ยังมีเรี่ยวแรงและสมองดีอยู่ อายุก็ยังไม่มาก มาริโอบอกว่า ไปขอเพื่อนบ้านสวิสฯทำงานใช้แรงแลกกับกาแฟสักแก้วสองแก้ว (นัยก็คือ อยากมีอะไรทำ แต่จะไปขอทำฟรี ๆ ก็ดูกระไรอยู่) แต่อนิจจา สังคมเมืองขาดความไว้ใจกัน เพื่อนบ้านคิดว่ามาริโอประหลาด ไม่มีใครกล้าใช้บริการ มาริโอเลยบินมาท่องเที่ยวเมืองไทย พอทราบข่าวสึนามิก็มาดูเหตุการณ์ แล้วก็มาเจอศูํนย์ฯนี้ ก็เลยลงมือทำงานโดยไม่เกี่ยง ประสบการณ์ที่ได้มาช่วยพวกเราตรงนี้มาริโอบอกว่า “ช่วยทำให้ชีวิตไอมีความหมายมากขึ้น”

แม่บ้านประทับใจกับอมตะวาจาของมาริโอ ไปสอบถามหัวหน้าใหญ่เพิ่มเติม ได้ทราบว่า มาริโอ มาถึงศูนย์ฯประมาณสี่ห้าทุ่มของคืนหนึ่ง มาถามว่า ทำอะไรกัน มีอะไรให้ทำได้บ้าง หัวหน้าใหญ่ต้อนรับไปตามอัธยาศรัย แล้วก็แยกย้ายกันไป พอเจอมาริโออีกที เห็นกำลังหยิบไม้กวาดเก็บกวาดบ้าน(ศูนย์)อยู่แล้ว สอบถามว่า ทำไมถึงมาทำงานต้อยต่ำอย่างนี้ มาริโอบอกว่า “ไอทำอย่างอื่นไม่ได้ เลยอยากให้อาสาสมัครที่ออกไปทำงานข้างนอกเหน็ดเหนื่อยได้กลับมาถึงศูนย์ฯที่สะอาดเรียบร้อย จะได้ชื่นใจ” ฟังแล้ืวชื่นใจไหมคะ

แล้วที่จริงมาริโอยังทำอะไรได้หลายอย่าง เช่น ซ่อมจักร ซ่อมไฟฟ้า ซ่อมท่อประปารั่ว เครื่องดูดควันในครัว จัดระบบตรงนั้นนิดตรงนี้หน่อย สมเป็นพ่อบ้านแห่งศูนย์ฯอย่างแท้จริง มาริโอชอบมาุถึงตอนบ่าย ๆ พอ เย็น ๆ ค่ำ ๆ ก็นั่งสูบบุหรี่ไล่ยุง คุยกับคนโน้นคนนี้ พอดึกหน่อยก็เริ่มทำความสะอาด ตอนพวกเราคนทำงานเริ่มกลับไปที่พักกันบ้างแล้ว

เพื่อน ๆ คะ มันก็น่าแปลกนะคะ บางทีเราก็คิดมากมายว่า เราจะทำอะไรได้รื้อ? ไปแล้วจะมีประโยชน์หรือเปล่า? จะมีงานที่เราทำได้หรือไม่? ไปแล้วจะไปทำอะไร? แม่บ้านคิดว่า เราอย่าตั้งคำถามกับตัวเองมากเลยค่ะ ถามแล้วเหนื่อย สู้ไปทำเลยดีกว่า แล้วก็ทำแบบไม่ต้องคิดมากด้วย เพราะหากถามมาก ๆ สุดท้ายเราก็ไม่ได้ไป ไม่ได้ทำอะไร เพราะมัวแต่ยุ่งหาคำตอบจนเหนื่อยเสียก่อน คำตอบอยู่ที่หมู่บ้านค่ะ ตามประสานักพัฒนาเขาว่ากัน

อยากให้ดูมาริโอเป็นตัวอย่างค่ะว่า ในสังคมหนึ่ง เขาถูกมองว่าเป็นคนไร้ประโยชน์ แต่ในอีกสังคมหนึ่ง เขาคือคนที่สร้างโลกให้น่าอยู่ โดยปราศจากความเห็นแก่ตัว ขอเราจงอย่าตัดสินใครเพียงแค่เปลือกนอก จงให้โอกาสทุกคนเสมอ ไม่ว่าเขาจะผิดพลาดมาอย่างไร เลวร้ายมาอย่างไร แต่ทุกคนต้องการเริ่มต้นใหม่เสมอ คน ๆ หนึ่งเมื่อชีวิตได้ความหมายคืนมา เขาย่อมยังความดีคืนสู่สังคมได้อีกมากมายค่ะ อย่าไปตัดโอกาสเขาด้วยการรังเกียจเดียดฉันท์โดยอคติเลยนะคะ

แถมเล็ก ๆ ว่า ความที่มาริโอเป็นชาวสวิสซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความเป็นระเบียบและแม่นยำ รวมทั้งยังเป็นสวิสเยอรมัน ความเป็นระเบียบก็ต้องคูณด้วยสอง (ดูตัวอย่างจากพ่อบ้านของรจนาประกอบ) เวลามาริโอเห็นระบบไฟฟ้าแบบง่าย ๆ ของช่างไทยที่ต่อสายไฟแบบวุ่นวานแล้ว มาริโอถึงกับส่ายหัวบอกว่า ใครก็ตามที่ต่อสายไฟไว้ น่าจะโดนไฟดูดเสียให้เข็ด…..เอากับมาริโอสิคะ ว่าแล้วมาริโอก็ไปเดินสายไฟใหม่ด้วยความอุตสาหะ เวลามีเครื่องไฟฟ้าเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ได้มาริโอพ่อบ้านนี่แหละช่วยแก้ไข

ขอคารวะให้มาริโอ ผู้ปิดทองหลังไม้กวาด ถังขยะ และสายไฟตัวจริงค่ะ

รจนาอาสาค่ะ

หมายเหตุ ภาพที่นำมาประกอบ ภาพแรกคืองานศิลปะเด็กที่ได้รับผลกระทบจากสึนามิ ภาพที่สองคือจุดรวมขยะในแค้มป์ที่พักพิงของผู้ประสบภัยแห่งหนึ่ง ภาพสุดท้ายคือเอกสารประจำตัวต่าง ๆ ที่ทีมทำความสะอาด (อาสาสมัครของศูนย์ฯ) เก็บได้จากชายหาด และนำมารวบรวมไว้เพื่อส่งคืนสถานฑูตต่อไป