เรื่องเล่าเบาสบาย โดย Pok Hansaa
ภาพ โดย Vlad Chețan from Pexels
ความวัวไม่ทันหาย…
ภาษิตฝรั่งบอกว่า “โชคร้ายไม่เคยมาหนเดียว” ชาวบ้านไทยกล่าวว่า “ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก”
เหตุ “ความควาย” ที่แทรกนี่ เกิดเมื่อสาย ๆ ของวันที่ ๙ ฉันเลยยุ่งกับการไปห้องฉุกเฉินในฝรั่งเศส เป็นประสบการณ์ใหม่ ๆ อีกอันหนึ่ง
กล่าวคือภรรเมียไทยยังไม่ทันจะฟื้นตัวจาก “ความวัว” กระเป๋าถูกขโมย ใบขับขี่ก็ยังไม่มี ขับรถไม่ได้สิ วีซ่าก็จะขาดอายุ งานก็จวนเจียนจะทำไม่ทันส่งแถมคนจ้างยังส่งงานมาเพิ่มอีก ชีวิตดี๊ดี
จู่ ๆ คุณฮับบี้สามี ตัวสูงเกือบสองเมตรก็ดันมาลื่นหกล้มหน้าบ้านเอาเสียยังงั้น พอดีตรงนั้นเป็นทางลาดชันมีต้นหญ้าขึ้นหนาและยังแฉะจากฝนที่ตกเมื่อคืน ทีแรกนึกว่าแค่ข้อเท้าแพลง ผ่านไปสองสามชั่วโมง เท้าบวมมากขึ้น ได้ยาหม่องตาเสือช่วยระงับอาการ (ไปขอจากเพื่อนฝรั่งนะเนี่ย) ที่นี้ฮับบี้กังวลว่าจะมีอะไรมาก เลยตัดสินใจว่าไป รพ กันดีกว่า ทีแรกฉันก็ว่าจะขับเอง ไม่มีใบขับขี่ก็ช่างมัน ไม่เจอใครตรวจหรอก อาการป่วยของฮับบี้สำคัญกว่า แต่เพื่อนเจ้าของบ้านมีน้ำใจมาก บอกว่าให้ไอขับไปให้ยูเถอะ เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้น จะมีปัญหากับตำรวจกับประกัน วุ่นวายไปเปล่า ๆ ไอไปส่งยู เสร็จเมื่อไรก็โทรบอก แล้วจะไปรับ ขับรถประมาณสิบห้านาที
เรื่องไป รพ ในฝรั่งเศส เล่าได้อีกหลายย่อหน้า แต่สรุป ๆ คือ เราเจอหมอฝึกหัดหนุ่มผมหยิกหน้าตาน่ารัก พูดเร็วปรื๋อ มาจับ ๆ ตรวจ ๆ แล้วสั่งเอกซเรย์ ก่อนแจ้งว่ากระดูกข้อเท้าขวาร้าว ต้องผ่าตัดหรือไม่ก็เข้าเฝือก ให้รอฟังหมอใหญ่ โชคดีหมอใหญ่บอกว่าเข้าเฝือกแข็งสี่สิบห้าวันก็พอ
ฉันนั่งดูหมอพันผ้าก๊อซให้กับฮับบี้อย่างประณีต (แต่หมอไม่ได้ทำความสะอาดเท้าก่อนแฮะ) ที่นี่ยุโรป หมอไม่มีพยาบาลคอยช่วยไม้ช่วยมือ ต้องทำเองหมด หมอคนนี้ทำงานดี ใจเย็น ดูอบอุ่นกับคนไข้ พันผ้าก๊อซเสร็จ หมอก็เอาแถบตาข่ายมาพันชั้นที่สอง น่าจะใช้เวลาราวสิบห้านาทีกว่าจะเสร็จ ฉันถามว่าจะต้องเอาปูนปลาสเตอร์พอกไหม ด้วยความที่เราเชย ไม่เคยเห็นเขาทำเฝือกเมืองนอก หมอบอกว่า โอ๊ย ไม่ต้อง สมัยนี้ไม่มีแล้ว เดี๋ยวเอาน้ำฉีด ตาข่ายนี่ก็จะแข็งตัวขึ้นมา กลายเป็นเฝือกได้ ว้าว นี่เป็นความรู้ใหม่
คนไข้รับสถานการณ์ได้ดี ดูผ่อนคลาย เขาบอกว่าขาไม่เจ็บแล้วแต่ชาจนไม่รู้สึก (น่าห่วงกว่าไหม) ดูท่าทางสบายอกสบายใจ แอบมากระซิบกับฉันตอนหลังว่า ตอนไอรอเอกซเรย์อยู่นะ มีคนถูกหามมาจากอุบัติเหตุ หน้าตาบูดเบี้ยวปวดร้าวท่าทางสาหัส ไอเห็นแล้วรู้สึกว่าปัญหาของไอมันจิ๊บ ๆ ก็เลยไม่บ่นอะไรที่ต้องรอ
แผนกฉุกเฉิน รพ ฝรั่งเศส นี้โปร่งสบาย ใช้สีขาวทั้งหมด ทางเข้าของผู้ป่วยที่ร่อแร่มีอยู่มิดชิด เป็นทางเดียวกับรถดับเพลิงเข้าด้วย ไม่ต้องปะปนกับคนที่ด่วนแต่ไม่วิกฤติถึงขั้นเป็นตาย ห้องน้ำใช้รวมชายหญิง มีตู้ขายเครื่องดื่มร้อนเย็น สำหรับคนนั่งรอ พิธีการไม่ยุ่งยาก เอาคนไข้ไปแจ้งที่ฝ่ายต้อนรับ เขาทำเอกสารแป๊บเดียว เราก็ไปรอพยาบาลเรียก พยาบาลเช็คคร่าว ๆ ว่ายังไม่ใกล้ตาย ก็ให้ไปรอหน้าห้องหมอ ตามลำดับคิว พอหมอมารับเรา หมอถามความเป็นมาเป็นไป จับข้อเท้าดู สรุปไม่ได้ เลยต้องส่งต่อไปเอกซเรย์
เขาก็ให้เราไปรอในอีกโซนหนึ่ง มีห้องพักคนไข้ด้วย จากจุดนี้ฉันได้เห็นการทำงานของหมอและพยาบาลที่เดินมั่ง เดินเร็วมั่ง (ไม่เห็นวิ่ง) เข็นตัวเองบนเก้าอี้คนพิการมั่ง (หมอพิการขา) ชื่นชมจริงว่า การแพทย์ฝรั่งเศสเขาให้โอกาสคนพิการได้ทำงานทุกอย่างเท่าที่สมองของพวกเขาจะพาไปถึงนะ เห็นหมอนั่งรถเข็น (เป็นหมอใหญ่ด้วย) สั่งการคนโน้นคนนี้ ฉันแอบดูหมอด้วยความเพลิดเพลิน หมอทำงานเอกสารเอง ไปหยิบเอกสารที่พริ้นท์เอง ไม่มีพยาบาลพริตตี้ประจำตัวเหมือนเมืองไทย หมอตรวจประวัติคนไข้ ตรวจฟิล์มเอกซเรย์ ให้คำปรึกษาหมอผู้น้อย รับเคสทางโทรศัพท์ คุยกับญาติคนไข้ด้วยเสียงดุ ๆ หมอคนนี้เห็นฉันนั่งใส่แว่นดำอยู่หน้าห้องนานมาก ท่าทางเหมือนป่วย (หนาว เหนื่อย หิวน้ำ ปวดฉี่ ง่วง มีอะไรอีกไหม) ก็ยังมีเมตตาถามว่า มาดาม มีใครดูแลคุณหรือยัง เลยบอกว่ามารอสามีจ้า (ตอนหมอเรียก ฉันนั่งเคลิ้ม ๆ จะหลับมิหลับแหล่ สะดุ้งเกือบตกเก้าอี้)
ทนปวดฉี่ไม่ไหวแล้ว เป็นไงเป็นกัน ฉันเดินดูตามมุมต่าง ๆ เลือกจุดที่มีคนออมากที่สุด ไอ๊หยา คนป่วยทั้งนั้น นั่งมั่ง นอนรถเข็นมั่ง ยืนมั่ง เอาวะ มาแล้วก็ใจดีสู้เสีย เห็นพยาบาลผ่านมาก็ถามว่าห้องน้ำอยู่ไหน ชีก็ชี้ให้แบบเพลีย ๆ ท่าทางจะเหนื่อยจากงาน ฉันพึมพำขอบคุณแล้วก็รีบไปปลดทุกข์ แหม รอฮับบี้อยู่ครึ่งชั่วโมงไม่มา พอฉันไปฉี่เท่านั้น พนักงานก็เข็นฮับบี้กลับมา เสียงคุยกันภาษาด้อยช์ร่าเริง ฉันคิดว่าฟังผิด ฮับบี้บอกว่าพนักงานคนนี้เคยไปทำงานที่เยอรมนีเป็นคนเลี้ยงหมูหลายปี พูดภาษาเยอรมันได้ ผัวเมียพอกัน เรื่องเจ๊าะแจ๊ะหาเพื่อน
ต้องชมว่าเก้าอี้ล้อเข็นสำหรับคนไข้นี่เขาทำสวยงามมาก เหมือนเก้าอี้รับแขกในบ้านเสียมากกว่า สีส้มสบายตา หนังลื่นเป็นมัน ที่รองมือและก้านจับเป็นสีครีม กลมเนียนน่าจับ ไม่มีจุดใดที่จะขูดขีดคนป่วยได้เลย ที่พักมือยกขึ้นลงได้ ระบบหยุดล้อก็ง่าย น่าจะได้นักออกแบบดี ๆ มาช่วย ของที่สวยมีสไตล์นี่ก็ทำให้การป่วยไข้มันไม่แห้งแล้งจนเกินไปนัก ที่นั่งพักรอก็จัดมุมอย่างมี มัลติคัลเลอร์ เก้าอี้หลากสี ใหญ่ นั่งสบาย มีเก้าอี้น่ารักให้เด็ก ๆ ด้วย พยาบาลมีอารมณ์ขันดี ยิ่งเราพูดฝรั่งเศสได้ เขายิ่งสบายใจกับพวกเรา เชื่อว่าสถานพยาบาลอื่น ๆ ในยุโรปก็คงไม่แพ้กัน พอดีไม่เคยได้ไปหลายแห่งนัก
เราใช้เวลาราวสองชั่วโมงที่ รพ แผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉินก็เสร็จเรียบร้อย หมอสั่งเสียว่าต้องทำตัวอย่างไร เราขอถ่ายภาพฟิล์มเอกซเรย์กระดูกไว้ด้วย หมอให้เอากล้องไปถ่ายถึงหน้าจอคอมฯเสีย ยุคนี้ไม่มีผลิตแผ่นฟิล์มออกมาให้เสียทรัพยากร พอเราจะไปจ่ายเงินค่ารักษา เจ้าหน้าที่ที่ทำทุกหน้าที่ตั้งแต่รับเรื่อง พิมพ์เอกสาร พิมพ์ข้อมูลคนไข้ ตอบคำถามสารพัด และน่าจะทำบัญชีด้วย บอกว่าวันนี้ค่ำแล้ว (ทุ่มครึ่ง) รับเงินไม่ได้ ยูค่อยแวะมาจ่าย ชีบอกด้วยเสียงและใบหน้ายิ้มแย้ม เพิ่งมาเปลี่ยนเวร วันหลัง อืมม์ ความที่ฮับบี้เป็นประชากรอียูหรือเปล่า เขาเลยไม่ห่วงว่าเราจะหนีหนี้ ฮับบี้แซวว่าอย่างงั้นเราก็เบี้ยวได้สิ เธอตอบว่าไม่เป็นไร เรามีที่อยู่ติดต่อของคุณ เรียกว่าทันกัน ระบบให้เกียรติและไว้ใจของเขานี่ดีจริง ทำให้เราไป รพ โดยไม่รู้สึกว่าต้องป่วยซ้ำจากการถูกปฏิบัติแบบไม่ใส่ใจ
เราได้ใบซื้อยามาจากหมอ ขากลับบ้านเลยขอให้เพื่อนคนขับรถช่วยแวะไปซื้อยาที่ร้านขายยาที่เปิดภาคค่ำ ได้ยาแก้ปวด (พาราฯ) ยาฉีดป้องกันเลือดจับตัวเป็นก้อนเพราะขาจะไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน และไม้เท้าค้ำยัน ร้านขายยานี่ใหญ่มาก ของเยอะแยะ ทั้งเครื่องสำอาง อาหารเสริม ของใช้การแพทย์ ฉันหมายเหตุว่าวันหลังมาชอปปิ้งหาของดี ๆ ไปใช้เมืองไทย
เมื่อวานเราเชิญเพื่อนมากินข้าวบ้านตอนค่ำ ก็เลยต้องยกเลิกไป เพราะสามีขึ้นลงบันไดไม่สะดวก ฉันตระหนักว่าการดูแลคนป่วยที่อยู่ชั้นสอง (เพราะห้องนอนห้องน้ำอยู่ชั้นบน) แล้วเราต้องวิ่งขึ้นลงตลอด ครัวและห้องนั่งเล่นอยู่ชั้นล่าง คงไม่ใช่เรื่องสนุก และอีกอย่างฮับบี้กว่าจะขึ้นบันไดได้ก็แสนยากลำบาก ยังไม่ควรขึ้นลงตอนนี้ ฉันใช้วิธีนำอาหาร น้ำ เครื่องดื่ม ยา ฯลฯ ใส่ถาดขึ้นไปให้ถึงที่นอน ประมาณรูมเซอร์วิสที่ไม่มีลิฟต์ นั่งคุยเจ๊าะแจ๊ะ ก่อนปล่อยให้คนไข้พัก แล้วฉันก็ลงมาปั่นงานต่อ ดีที่ว่าคนไข้คนนี้ใจดี ไม่เรียกใช้กลางดึกกลางดื่น ต่างคนต่างนอน
ที่ตลกคือ หากคนไข้ร้องขออะไรจากชั้นบน บางทีฉันก็ไม่ค่อยได้ยิน ครั้นจะวิ่งขึ้นไปฟังแล้วกลับลงมา ก็คร้าน ตอนหลังฮับบี้เลยใช้วิธีสไกป์หาเอา ขำกลิ้ง บ้านหลังแค่นี้เนี่ยนะ
วันนี้ได้ฤกษ์คนไข้อาบน้ำ หลังจากซักแห้งมาสองวัน (อากาศหนาว ตัวไม่เหม็นค่ะ) ทุลักทุเลเอาการ ใครเคยขาหักคงทราบ เราเอาถุงใหญ่ ๆ มาสวมเท้า ฮับบี้นั่งเก้าอี้พลาสติกเล็ก ๆ แล้วแหย่เท้าข้างที่มีถุงออกมา เปิดฝักบัวค่อย ๆ อาบน้ำสระผมขัดสีฉวีวรรณ ฉันคอยจับผ้าม่านอาบน้ำไว้ ไม่ให้น้ำกระเซ็นออกมาข้างนอกมากเกินไป เวิร์คดีนะ ตอนนี้ฉันมีคนไข้ตัวหอม ๆ หน้าเกลี้ยงเกลา กอดสนิทใจแล้ว เย้
ในส่วนของงานโภชนาการ นางพยาบาลก็มิได้ขาดตกบกพร่อง เมื่อวานเช้าเป็นวันเกิดของฮับบี้ ฉันวางแผนไว้แล้วว่าจะทำแพนเค้กสูตรอเมริกันให้ทาน พร้อมน้ำเชื่อมเมเปิ้ล แม้จะขาเดี้ยงก็ไม่เปลี่ยนแผน เพราะเป็นของโปรดเขา ทำเสร็จยกไปเสริฟร้อน ๆ น้องเขยสไกป์มาอวยพรแต่เช้า พอเห็นแพนเค้กก็ไปเล่าให้น้องสาวฟังว่าฮับบี้โคตรโชคดีได้กินอาหารเช้าแบบนี้วันเกิด
ห้า ห้า ห้า เดอะโชว์มัสโกออน พอใกล้เที่ยง ฉันเคี่ยวน้ำกะทิกับเครื่องแกงแดง จะทำแกงเนื้อใส่ฟักทอง (ฟักทองอยู่ในฤดูกาล) ใช้เนื้อติดมันเอ็น (ซุปเปอร์ฝรั่งเศสบอกว่าเอาไว้ตุ๋น) ลงไปผัดกับเครื่องแกงจนหอม ลดไฟ ปิดฝา เคี่ยวอ่อน ๆ แหม ไม่ทันชั่วโมงเปื่อยนุ่มอร่อย ฉันเติมฟักทองฝรั่งหน้าตาเหมือนพันธุ์ฮอกไกโด (เพื่อนบ้านปลูกเอง เขาให้มา) ฉันหั่นใส่ทั้งเปลือกไม่ให้ฟักทองยุ่ย เคี่ยวต่อประมาณยี่สิบนาที ฟักทองเหนียวหนุบหนับ ถูกใจจริง ๆ หุงข้าวสวยร้อน ๆ เอาไปเสริฟถึงเตียงอีก งานนี้คนไข้ร้องขอไวน์แดงหนึ่งแก้ว เอ้า ไม่เป็นไร วันเกิดก็อนุโลมฮีหน่อย ดีใจที่สุดที่อาหารไทยได้บริการคนเยอรมันยามเจ็บป่วย และฮียังรู้สึกซาบซึ้งกับมันด้วย คงคิดถึงรสมือภรรเมียตัวแสบ (เนื่องจากภรรเมียไปผจญภัยเสียนาน ปล่อยฮับบี้อยู่บ้านอด ๆ อยาก ๆ ได้กินแต่ขนมปังกับอาหารตามร้าน)
การบาดเจ็บเดินเหินไม่ได้ย่อมสร้างความไม่สะดวกมากมาย เรามีกำหนดกลับเยอรมนีในอีกสิบวันข้างหน้า แต่ฮับบี้หายไม่ทันขับรถแน่นอน ภรรเมียก็ดันไม่มีใบขับขี่ ไม่มีใครกล้าเสี่ยงกับการถูกตำรวจจับหรือเกิดอุบัติเหตุแล้วประกันไม่จ่าย ตอนนี้นอนตรึกตรองว่าจะเอายังไงดี เพื่อนเยอรมันบอกว่าจะบินมาและช่วยขับรถพากลับบ้าน อันนี้เป็นโซลูชั่นที่ดีอีกอันหนึ่ง ไว้คอยดูกัน หรืออีกอย่างหนึ่งก็คือไปเครื่องบิน แล้วก็หาแท้กซี่รับส่งเป็นจุด ๆ ไป เพื่อนเจ้าของบ้านบอกว่าไม่ควรนั่งรถนาน ๆ ให้เลือดลงขา (ว่าง่าย ๆ ไม่ควรขับรถไป) เพราะอาจจะเกิดปัญหาใหญ่ก้อนเลือดไปอุดเส้นเลือดในปอด หายใจไม่ออกได้ ว้าย ฟังดูน่ากลัวจัง
สมัยฉันขาเดี้ยงอย่างนี้ อายุสามสิบหกปี ก็เข้าเผือกเหมือนกัน แต่ใช้ไม้ค้ำยันรักแร้ตะกายไปทำงานได้ภายในเจ็ดวัน เหตุเพราะเจ้านายจอมโหดโทรมาพูดว่า ยูบาดเจ็บขาแต่มือกับสมองยังทำงานได้ ไอส่งรถไปรับยูมาทำงานไหม เท่านั้นแหละ มนุษย์บ้างานอย่างฉันก็ใส่เกียร์เดินหน้ารีบไปทำงานในทันใด ยังจำความน้อยใจในตอนนั้นได้ แต่มาคิดดูอีกที เราไม่นั่ง ๆ นอน ๆ อยู่บนเตียงน่ะดีที่สุดแล้ว การไปทำงานทำให้เลือดไหลเวียนที่ขาเราดี เราก็หายเร็วขึ้นเดินได้เร็ว ช่วยตัวเองได้มาก ไม่ต้องเสี่ยงกับปัญหาก้อนเลือดอุดตันที่น่ากลัวนั้น และอีกอย่างหนึ่งคือช่วงที่ฉันเดินกระด๊อกกระแด๊กกับไม้ค้ำยันอยู่ที่โรงอาหารของที่ทำงาน ก็เป็นตอนที่ฉันประสบพบพักตร์เป็นครั้งแรกกับฮับบี้อย่างห่าง ๆ ก่อนเราจะมาตกหลุมรักกันในอีกหกเดือนต่อมา จะว่าไป โชคชะตาก็กำหนดชีวิตเรามาตลก ๆ เหมือนกันนะเนี่ย
วีซ่าของฉันหมดสิ้นเดือนนี้ ตั๋วกลับเมืองไทยคือวันที่ ๒๙ ยังไม่รู้ว่าจะต่อวีซ่าเพื่ออยู่พยาบาลฮับบี้ได้หรือไม่ ใจจริงคิดว่าถ้าเขากลับเยอรมนีได้จะสะดวกขึ้นเยอะ เพราะที่นั่นบ้านชั้นเดียว บริการต่าง ๆ อยู่ใกล้มาก มีน้องสาวและน้องเขยคอยดูแลด้วย
ตอนนี้ชีวิตเราสองคนก็เลยมีวัวและควายเพ่นพ่านเต็มไปหมด
นี่แหละหนา เหตุอะไรจะเกิด มันไม่บอกเราล่วงหน้าหรอก เราต้องเตรียมพร้อมไว้เท่านั้นเอง ถ้าเตรียมไม่พร้อม ก็ต้องทำใจไปก่อน
เขียนไว้ที่บ้านชนบทในฝรั่งเศส
วัน 11 กันยายน 2018