เป้าหมายเล็กที่ให้ผลใหญ่

โดย ข้าพเจ้า

#เป้าหมายเล็กที่ให้ผลใหญ่

#เมื่อฉันเยียวยาจากโรคซึมเศร้า

แม้ในคนที่เป็นโรควิตกกังวลสูงกึ่งซึมเศร้าอย่างข้าพเจ้าจะถือว่าได้เยียวยาแทบเป็นปกติแล้ว แต่การทำงานทางจิตใจไม่เคยหยุดลง ความคิดและอารมณ์ยังคงเล่นงานเป็นระยะ

บางครั้งดินฟ้าอากาศหรือสิ่งที่มากระทบ ทำให้ใจเศร้าหมองหดหู่ ดิ่งลงไปในความตรอมตรมหรือขาดกำลังใจในกิจวัตรประจำวัน

บางทีก็แค่ทำๆให้เสร็จไป หรือ ปล่อยไว้ไม่ทำเลย

คาดว่าอาการแบบนี้เป็นกับเพื่อนซึมเศร้าทุกคน ภาวะหมดสุขหมดไฟทำให้เราหมดเรี่ยวแรงแม้แต่จะเคี่ยวเข็ญตัวเอง

เรื่องเล็กน้อย คำพูดไม่ถูกหู กลายเป็นเรื่องใหญ่ เหมือนเสียงร้องตะโกนในหูว่า เราไม่โอเคนะโว้ย อย่ามาอะไรกับเรามากนัก แบตตารีตัวนี้ชาร์ตไม่ได้แล้ว

ข้าพเจ้าจิตตกอยู่ช่วงหนึ่งโดยไม่รู้สาเหตุที่แท้จริง อยู่ๆชีวิตจิตใจมันก็ค่อยๆลีบลงลีบลง ทำอะไรก็เหมือนคนเดินในโคลนเหนียวๆ มันหนักเท้ามันก้าวไม่ออก สิ่งที่เคยชอบก็ไม่ทำ ไม่อยากออกไปไหน ไม่อยากพบผู้คน รอยยิ้มมีแต่ความฝืน

ข้าพเจ้ายังพึ่งการพูดคุยกับนักจิตปรึกษาอย่างสม่ำเสมอ ประมาณสองเดือนครั้ง เพื่อจูนเครื่องทุกข์และสุข ครั้งสุดท้ายที่ได้ปรึกษาเมื่อเดือนกว่าที่ผ่านมา ข้าพเจ้าเรียบเรียงตัวเองไม่ถูก สมองตันไปหมด ไม่อาจอธิบายแม้แต่ว่าตัวเองรู้สึกอะไร

นักจิตปรึกษาให้การบ้านมาทำ โดยบอกให้เขียนเป็นช่อง ๆ ว่าความกังวลเรื่องอะไรที่เราจัดการแก้ไขได้ ความกังวลอะไรที่เราแก้ไขไม่ได้ ในเรื่องที่แก้ไม่ได้ ให้ถือว่าเป็นเรื่องที่ต้องทุกข์ฟรี ๆ คือ ทุกข์ไปก็เสียเวลาเปล่า เอาพลังงานไปทำสิ่งที่บวก เช่น ฟังเพลง ออกกำลังกาย ทำสวน ทำงานอดิเรก เขียนบทกลอน ฯลฯ ดีกว่า

ทีแรกข้าพเจ้าไม่ค่อยเชื่อเท่าไรว่าจะได้ผล แต่ลองดู พอเขียนสิ่งที่กังวลที่รู้ว่าเราแก้ไขไม่ได้ เช่น นิสัยของคนอื่น เราก็วงตัวโต ๆ กำกับว่า “ทุกข์ทำไม เสียเวลาเปล่า”

มันน่ามหัศจรรย์นะที่จิตใจของข้าพเจ้าก็เรียบเรียงตัวเอง จากนั้น เมื่อได้ฟังคลิปบรรยายของคุณหมอประเวชหรือพระอาจารย์ไพศาล คำบรรยายคำสอนก็มีสะกิดใจ ทำให้นึกได้ว่า การเขียนน่าจะช่วยเยียวยาความทุกข์บางอย่างได้

ก็เลยยึดน้องสาวเป็นที่พึ่ง เขียนเล่ากิจวัตรประจำวันไปทุกวัน เรื่องเล็กเรื่องใหญ่เขียนหมด แบบหัวข้อสั้น ๆ ว่าวันนี้เจออะไร เจอใคร ทำอะไร อากาศเป็นยังไง รู้สึกอย่างไร อาหารอะไรอร่อย กิจกรรมไหนสนุก หนังเรื่องไหนดูดี หนังสือเล่มไหนน่าอ่าน เรื่องไหนทำให้ไม่สบายใจ ห่วงใยใคร แต่เล่าแบบข้อเท็จจริงเฉย ๆ ไม่ได้บ่นหรือระบาย โดยไม่ได้คาดหวังว่าน้องต้องอ่านทุกคำ หรือต้องตอบทุกเรื่อง

พอทำไปหลาย ๆ วัน เริ่มสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวเองว่า เริ่มเอาใจใส่กับสิ่งที่ทำทุกวันมากขึ้น เช่น เวลาล้างจาน ใจได้ยินเสียงในหัวบอกว่า ตัวเองไม่มีค่าเพียงพอสำหรับคนอื่น พอได้ยินเช่นนั้นก็นึกเอะใจว่า โอ้โห คนอื่นคิดลบกับเราไม่เป็นไรนะ แต่เราคิดลบกับตัวเองนี่ท่าจะไม่ไหว…เมื่อรับรู้แล้วก็ใจก็เกิดพิจารณาว่าจะสร้างความคิดบวกให้ตัวเองได้อย่างไร ใช้แค่ใจคิดมันไม่ได้ เพราะใจนั้นแหละมันฟุ้ง ต้องเอาอย่างอื่นมาช่วยให้ใจสงบ

ฟังคุณหมอประเวชและพระอาจารย์ไพศาลแล้วเกิดความคิดว่า เราควรตั้งเป้าทำสิ่งเล็ก ๆ ทั้งหลายที่ไม่เคยเห็นความสำคัญ ให้เป็นสิ่งที่น่าทำ สิ่งที่เจริญใจที่จะทำ เช่น การแยกผ้าซัก การรีดผ้าทีละตัว การพับผ้า การแขวนผ้า การกวาดบ้าน การล้างโถส้วม การเตรียมอาหาร การล้างจาน (อันนี้ชอบมาก) การรดน้ำต้นไม้ การตัดเล็มดอกไม้ การชงกาแฟดื่ม การขัดเครื่องเงิน การเอาจานเข้าเครื่องล้าง การอาบน้ำ เป่าผม แต่งตัว ฯลฯ

ประมาณว่าข้าพเจ้าเจริญสติก็ได้ เพียงแต่ข้าพเจ้าเน้นเป้าหมายที่ว่ากิจกรรมทางกายเล็กๆเหล่านี้จะช่วยให้กิจกรรมทางใจที่ใหญ่โตฟุ้งซ่านได้ว้าวุ่นน้อยลง และมีโฟกัสดีขึ้น

วันนี้จึงอยากมาแบ่งปันกับเพื่อน ๆ และชวนให้เห็นคุณค่าจองกิจวัตรเล็กๆประจำวัน หากเราทำอย่างตั้งใจ ใส่ใจ ไม่ถึงกับต้องรักเทิดทูนและพรมจูบ แต่ทำเหมือนกับเราปฏิบัติกับเพื่อนที่ดีต่อกัน พลังทางใจจะฟื้นคืนมาทีละช้า ๆ และเราจะพบโมเม้นท์ที่สงบและสันติทางใจได้ไม่ยาก

และสนุกกับชีวิตมากขึ้น จนข้าพเจ้าถึงกับมีแรงมาจัดแต่งห้องทำงานใหม่ให้ฮวงจุ้ยดีกว่าเดิม

ลองดูนะคะ หาสิ่งเล็ก ๆ ที่ทำได้ไม่ยาก เริ่มไปทีละอย่าง

เดี๋ยวขอตัวไปทำเรื่องเล็ก ๆ เช่น จิบชาสักถ้วยก่อน

พร้อมส่งความปรารถนาดีมายังเพื่อนนักต่อสู้กับตัวเองทุกคน

Photo credit: MARIANNE RIXHON

Message us