Dog Groomer อาชีพใหม่ในฝัน

โดย พจเรื่องเล่าจากหย่งศรี

Cover photo credit: https://www.pexels.com/photo/dog-at-a-groomer-6816863/

คนไทยที่ต้องออกมาอยู่ไกลบ้าน น้อยคนนักจะได้ทำงานตามอาชีพที่ตัวเองร่ำเรียนมา

เรื่องเล่าวันนี้ เป็นเรื่องราวของน้องวิว – กุลวรรณ เฮเกอร์ สาวศิลปศาสตร์ ธรรมศาสตร์ เอกภาษาศาสตร์ ที่เจ้าตัวบอกว่าความรู้คืนครูไปหมดแล้ว (ฮา) ผู้ที่ชีวิตผลิกผันพามาอยู่ไกลถึงเยอรมนี

และมาพร้อมกับอาชีพใหม่ที่ไม่เคยคิดว่าจะได้เป็น นั่นคือ ช่างตัดขนน้องหมา (Dog Groomer)

เอาล่ะสิ ได้ดูแลน้องหมา ทั้งๆ ที่ตอนนี้ตัวเองก็ไม่ได้มีหมาเป็นของตัวเอง แถมทำมาหลายปีแล้วด้วยนะ เป็นมาอย่างไร ต้องไปคุยกัน

………..

วิวเล่าว่าตนเองเป็นคนรักหมาอยู่แล้ว โดยมีหมาเป็นของตัวเองครั้งแรกตั้งแต่เรียนอยู่ ป. ๕ คลุกคลีกับเจ้าสี่ขาแสนซนมาตั้งแต่เด็ก เลี้ยงเอง ดูแลเอง และฝึกสอนคำสั่งพื้นฐานได้บ้าง

ตอนที่เรียนจบปริญญาตรี วิวขวนขวายอยากพัฒนาตนเอง โดยเฉพาะในด้านภาษาอังกฤษ จึงได้ไปเทคคอร์สเรียนภาษาที่ต่างประเทศหลายครั้ง เมื่อกลับมาก็ทำงาน เก็บเงินเพื่อไปเรียนอีก

ครั้งหลังสุดไปเรียนที่แคนาดา และได้พบรักกับคุณแฟน ซึ่งเป็นชาวเยอรมันที่มาเรียนคอร์สระยะสั้นสามเดือน ส่วนน้องวิวนั้นเรียนโปรแกรมหนึ่งปีเต็ม

เมื่อเรียนจบ ต่างฝ่ายต่างแยกย้ายกลับประเทศตน แต่ดอกรักเมื่อผลิบานเสียแล้ว ระยะทางก็ทำอะไรไม่ได้ (กรี๊ดดดด)

ทั้งสองใช้เวลาถึง ๖ ปีพิสูจน์ใจ จนตกลงปลงใจแต่งงาน และเป็นวิวที่ย้ายมาอยู่ที่เยอรมนี

“ตอนนั้นวิวคิดว่า ตัวเองทำงานในกรุงเทพฯ พอแล้ว เป็นเลขาฯ หรือทำงานในมหาวิทยาลัยนานาชาติมาหลายที่หลายปี อิ่มตัวกับชีวิตมนุษย์ออฟฟิศ อยากเปลี่ยนที่แล้ว”

การย้ายประเทศของวิว ไม่มีอุปสรรคด้านภาษาเท่าไรนัก เพราะตั้งแต่มีรักทางไกล วิวก็เรียนภาษาเยอรมันมาตลอดจนถึงขั้น B1 ดังนั้น เมื่อต้องสอบภาษาเยอรมันระดับ A1 เพื่อให้ได้วีซ่า วิวจึงผ่านฉลุย

ต้นทุนภาษาที่สะสมมาขนาดนี้ ทำให้เมื่อย้ายมาเยอรมนีแล้ว สิ่งแรกที่เธอทำ คือ สอบใบขับขี่!

“คุณสามีอยากให้เราทำอะไรเองได้เหมือนก่อนที่เราจะย้ายมา ก็เลยแนะให้ไปสอบใบขับขี่เป็นอย่างแรก เพราะคิดว่าเป็นทักษะที่จำเป็นในการใช้ชีวิตที่นี่”

สอบใบขับขี่ผ่านแล้ว เธอจึงค่อยไปสมัครสอบ B1 เมื่อผ่านแล้ว เธอบอกว่า “วิวก็หาเรื่องเลย (หัวเราะ) คือ รู้สึกแบบว่าคงเอาดีด้านภาษาไม่ไหวแล้ว เอาแค่พูด สื่อสารได้พอ”

……….

วิวมองหาอาชีพให้ตัวเอง หลังจากนึกอยู่พักใหญ่ว่าจะทำอะไรดี ใจพลอยนึกไปถึงแบบฝึกหัดที่อาจารย์เคยให้ทำสมัยที่เรียนอยู่ที่แคนาดา

“มันเป็นคลาสสั้นๆ เกี่ยวกับการออกแบบโลโก้ค่ะ อาจารย์ให้โจทย์ ให้เราคิดธุรกิจของเราขึ้นมาอย่างหนึ่ง แล้วค่อยคิดออกแบบโลโก้ของธุรกิจนั้น ๆ

“วิวเลยพบว่า เราเป็นคนรักหมามาก เรามีความฝัน อยากทำอะไรสักอย่างเกี่ยวกับหมา”

วิวเล่าเรื่องนี้ให้สามีฟัง จึงเริ่มต้นจากการเป็น “อาสาสมัครจูงหมา” โดยสามีช่วยลงโฆษณาในเว็บบอร์ดคนแถวบ้าน จนทำให้ได้รู้จักเจ้าของหมาน้อยสองตัว

“เขามีอาชีพคล้ายๆ เป็น mentor แนะแนว ฝึกคนให้พูดในที่สาธารณะ พอได้รู้จักกัน เขาถามว่าเราอยากทำอะไร เราบอกว่าอยากทำเกี่ยวกับหมา เขาเลยแนะนำให้รู้จัก groomer – คนตัดขนหมาที่นี่”

วิวไปพบกับ groomer คนดังกล่าว ซึ่งมีร้านเป็นของตัวเอง ทำคนเดียวมาเกือบ ๒๐ ปีแล้ว โดยเริ่มต้นมาจากการขับรถไปตัดขนหมาตามบ้าน

“เขาแนะนำวิวว่า หากคิดทำอาชีพนี้ ควรไปเรียนนะ แม้ว่าปัจจุบันนี้ อาชีพช่างตัดขนหมาที่เยอรมนีจะยังไม่ต้องใช้ Ausbildung แต่เพื่อความปลอดภัยของทั้งเราและน้องหมาก็ควรจะไปเรียนค่ะ จะได้รู้จักวิธีเข้าหาน้องหมา ควบคุมน้องหมา มีทักษะการใช้กรรไกร ปัตตาเลี่ยน หวีและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นในการอาบน้ำ ตัดขน รวมทั้งเรียนรู้เรื่องขนสุนัขพันธุ์ต่างๆ การขึ้นทรง และตัดขนในแต่ละสายพันธุ์ด้วย”

ความที่ไม่บังคับว่าต้องเรียนที่ไหน วิวจึงเลือกกลับไปเรียนที่เมืองไทย เพราะค่าเรียนถูกกว่ากันพอควร และเข้าใจหมดว่าครูพูดอะไร (อย่างหลังนี้ วิวกระซิบบอกค่ะ (ฮา))

เมื่อเรียนจบ พกใบประกาศและความอุ่นใจมาเต็มกระเป๋า วิวก็เริ่มต้นทำอาชีพช่างตัดขนหมาที่เยอรมนี โดยเริ่มจากการไปตัดตามบ้าน เพราะลงทุนไม่มาก แค่มีอุปกรณ์ให้พร้อม ใบขับขี่เธอมีอยู่แล้ว จึงเริ่มต้นได้เลย

……….

แน่นอนว่า ประสบการณ์ในการตัดขนน้องหมา ที่พูดคุยสื่อสารกันไม่ได้เหมือนคน ต้องมีเรื่องเล่าแสนสนุก ประทับใจ ปนเจ็บตัว (หรือเปล่า?) มาเล่าให้เราฟังแน่ ๆ

“ลูกค้ารายแรกเป็นน้องหมาพันธุ์ปอมเมอเรเนียนค่ะ เป็นทรงที่ฝึกตัดเยอะที่สุดตอนเรียน แต่น้องยังเด็ก เกือบขวบ ยังไม่นิ่ง และไม่ชอบให้หวี ก็ต้องใช้เวลาและความอดทนในการตัดเยอะค่ะ แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี เจ้าของชอบและยังเป็นลูกค้าอยู่จนถึงตอนนี้”

“ตัวถัดมาคือที่สุดความดื้อและดุ เป็นน้องปักกิ่งตัวกลม ๙ ขวบ ขนบางจุดเป็นสังกะตัง ไม่ยอมให้จับหรือหวีเลย ฉกกัดแม้แต่เจ้าของ สรุปคือต้องไป ๒ รอบ เพราะรอบแรกเจ้าของจับไม่อยู่ กระโจนงับมือเจ้าของเองจนเลือดอาบ รอบ ๒ ทั้งคุณลุง คุณป้าเจ้าของจับใส่ตะกร้อครอบปากและคอลล่าขึ้นบนโต๊ะ แต่ก็ดิ้นจนหลุดหลายรอบ ต้องรีบใช้ปัตตาเลียนไถสังกะตังออก แล้วไถตัดให้พอเป็นทรงเท่าที่ทำได้”

“คิดว่าคงเจอกันครั้งเดียว เพราะเหนื่อยทั้งหมาทั้งคน ปรากฎว่าเจ้าของติดต่อมาปีที่แล้วอีกรอบ วิวเลยแนะนำให้ไปตัดที่ร้านเพื่อนดีกว่า คุมน้องง่ายกว่า เพราะมีสายยึด และเจ้าของไม่เหนื่อย”

จากลูกค้ารายสองราย จากการบอกต่อปากต่อปาก และการทำงานอย่างต่อเนื่อง ทำให้ลูกค้าของวิวเพิ่มอย่างต่อเนื่อง คิวยาวเป็นเดือน

วิวบอกว่า ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้มาทำอาชีพนี้ แต่ก็สนุกมาก

“ทุกวันเป็นการเรียนรู้ เพราะหมาแต่ละตัวนิสัยไม่เหมือนกัน ตัวที่เจ้าของเลี้ยงดี พามาตัดขน แปรงขนบ่อยๆ ก็จะนิสัยดี ไม่มีปัญหากับช่าง ช่างก็จะรักลูกค้าแบบนี้เป็นพิเศษ”

“แต่ถ้าเจ้าของไม่ค่อยใส่ใจ พามาตัดขนแค่เฉพาะตอนที่มีปัญหา ขนเป็นสังกะตัง ผิวหนังมีปัญหา หรือน้องไม่รู้จักการแปรงขน ไม่รู้จักปัตตาเลี่ยน ก็จะกลัว ขู่ บางตัวก็งับ กัดแบบไม่เตือนเลยก็มีค่ะ ถ้าเค้าระแวงคนแปลกหน้าก็จะยิ่งทำงานลำบาก”

“บางตัวหมาเด็ก ก็จะเล่นจะงับอย่างเดียว ก็ต้องค่อยๆ ใช้เวลา ให้ทำความรู้จักกับหวี ปัตตาเลียน แต่ปกติแล้ว น้องหมาไม่ค่อยมีปัญหาในการเรียนรู้ค่ะ ยกเว้นว่ามีประสบการณ์ที่เลวร้ายในการตัดขน”

แหม… ฟังแล้ว ตัดขนหมา กับตัดผมเด็ก คล้ายกันหลายอย่างนะคะ (ฮา)

………

สำหรับคนที่สนใจทำอาชีพช่างตัดขนหมา วิวเชียร์เต็มที่ เพราะอาชีพนี้เป็นที่ต้องการมาก คิวยาวตลอด และเมื่อลูกค้าถูกใจฝีมือกันแล้ว ก็มักจะอยู่กันไปยาวๆ แถมบอกต่อให้ด้วย

แต่วิวเสริมว่า มีแค่คำว่า “รัก (หมา)” จะยังไม่พอนะคะ ต้องมีความ “ถึก” และ “อึด” ด้วย

“จริงๆ อาชีพนี้เป็นอาชีพที่ใช้แรงมากนะคะ หมาพันธุ์ตัวเล็กอาจไม่เท่าไร แต่พันธุ์ตัวโตอย่าง เยอรมันเชพเพิร์ด โกลเด้นดูเดิ้ล ลาบราดอร์ ต้องใช้แรงมาก และเราไม่สามารถเลือกตัดแต่เฉพาะหมาพันธุ์ตัวเล็กได้”

“นอกจากนั้น หมาแต่ละตัวก็มีนิสัยไม่เหมือนกัน บางวันเขาไม่อยากตัด ไม่ให้ความร่วมมือ ก็จะเหนื่อยมาก ขนาดตอนนี้รับนัดแค่วันละ ๒ ตัว บางวันตกเย็นกลับบ้านมา คือหมดแรง ทำกับข้าวไม่ไหวก็บ่อยค่ะ”

นอกจากดีลกับหมาแล้ว เรื่องดีลกับคน ก็สามารถวุ่นวายได้เช่นกัน

เราก็ต้องรู้จักวิธีคุยกับลูกค้าที่เป็นคนด้วย หลายทีที่คุยไม่รู้เรื่อง ก็ต้องปล่อยไป ทั้งคนทั้งหมา

“อาชีพนี้ต้องการ Service mind มาก เราทำงานกับน้องหมาก็จริง แต่ก็ต้องติดต่อคุยกับเจ้าของน้อง บางทีเจ้าของก็เป็นปัญหา หวง ห่วงน้องมาก ไม่ยอมปล่อยน้องให้ยืนเองบนโต๊ะ ค่อยอุ้ม จับปลอบตลอด แบบนี้คือเยอะเกินไป เราก็ต้องรู้จักวิธีคุยกับลูกค้าที่เป็นคนด้วย หลายทีที่คุยไม่รู้เรื่อง ก็ต้องปล่อยไป ทั้งคนทั้งหมา” วิวเล่าพลางหัวเราะ

แต่ถึงจะเหนื่อยอย่างไร วิวบอกว่า ความประทับใจนั้น คุ้มค่าเหนื่อยกว่ามาก

“ประทับใจตรงที่ได้เจอน้องหมาหลากหลายสายพันธุ์ ถ้าเจ้าของดูแลดี ขนสวย สุขภาพดี เราก็ทำงานแบบ happy ดีใจกับน้อง แต่ก็มีที่เป็นสังกะตัง เป็นน้องหมาที่เจ้าของเพิ่งรับอุปการะมา หรือเจ้าของดูแลไม่เป็น ไม่มีเวลาแปรงขน หรือพาไปอาบน้ำทั้งที่บ้านใหญ่โต สวยงาม”

“มีอยู่ตัวนึงเจ้าของป่วย เสียชีวิต ญาติมาดูแล เตรียมจะหาบ้านให้น้องใหม่ น้องมีสังกะตังทั้งตัว หลังตัดขนไปได้อาทิตย์เดียวก็เสียชีวิตตามเจ้าของไป แต่อย่างน้อยเราก็ยินดีที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้น้องรู้สึกสบายตัวขึ้น แม้จะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตาม”

………..

วิวเล่าด้วยว่าการมีอาชีพตัดขนน้องหมา ทำให้ได้เห็นความแตกต่างของการเลี้ยงและดูแลหมาในประเทศไทยและเยอรมนีด้วย

“ที่เมืองไทยการจะเลี้ยงหมาซักตัวง่ายมากค่ะ แต่ข้อเสียคือ แต่ละบ้านอาจจะมีหมาเยอะเกิน หรือไม่สามารถควบคุมหมาให้สงบได้ ทำให้เกิดมลภาวะทางเสียง หรือกลิ่นรบกวนเพื่อนบ้าน และคนในชุมชน”

“การเข้าสังคมของน้องหมาที่ไทยและเยอรมนีก็ต่างกันค่ะ ที่เยอรมนีส่วนใหญ่ตามร้านอาหาร ร้านกาแฟ เจ้าของสามารถพาน้องเข้าไปนั่งด้วยได้ บางร้านเสิร์ฟน้ำ หรือมีน้ำใส่ชามหน้าร้านให้น้องด้วยค่ะ ได้ใจคนรักหมาไปเต็มๆ แต่เจ้าของก็จะต้องควบคุมน้องให้มีมารยาท ไม่เดินไปกวนลูกค้าคนอื่นๆ ในร้าน”

“ส่วนมากน้องหมาที่นี่เข้าโรงเรียนหรือมีเทรนเนอร์ฝึกกันตั้งแต่เล็กๆ น้องจะทำตามคำสั่งได้ เจ้าของก็ต้องฝึกไปกับน้องด้วย เลยจะไม่มีปัญหาในการนำน้องเข้าสังคมค่ะ”

“ส่วนที่เมืองไทยในกรุงเทพฯ เดี๋ยวนี้มีห้างที่อนุญาตให้พาน้องหมาเข้าไปได้ตามกฎที่เค้าได้แจ้งไว้ การอาบน้ำ ตัดขน สปา สระว่ายน้ำต่างๆ ก็มีให้เลือกมากมาย รวมทั้งการพาน้องไปเที่ยวต่างจังหวัด ที่ไทยก็มีทางเลือกให้คนรักน้องหมามากขึ้นเยอะค่ะ”

“คงต้องช่วยกันให้เจ้าของน้องหมาเห็นความสำคัญของการฝึก การควบคุมน้องหมาให้ได้ ไม่สร้างความเสียหายก่อนที่จะพาออกไปเที่ยวนอกบ้านค่ะ

…………

สำหรับคนที่สนใจอยากเลี้ยงหมาที่เยอรมนี วิวมีคำแนะนำว่า ต้องมีความพร้อมและความรู้ก่อนเป็นอย่างแรก

“ควรเลือกสายพันธุ์และขนาดของน้องหมาให้เหมาะสมกับวิถีชีวิตและขนาดที่อยู่อาศัยของเรา และหากอยากเลี้ยงหมาพันธุ์ใหญ่บางพันธ์ เจ้าของต้องสอบข้อเขียนเกี่ยวกับสุนัขให้ผ่านด้วย บางรัฐจะมีกำหนดระบุว่าสุนัขพันธุ์ดุ หรือสายพันธุ์ใดบ้างที่ต้องขออนุญาตในการเลี้ยง เจ้าของต้องติดต่อขออนุญาตพร้อมเอกสาร และสมัครประกันความเสี่ยงต่างๆ แต่ละรัฐจะมีรายละเอียดที่ต่างกัน ถึงแม้จะเป็นสุนัขพันธุ์เล็กก็ต้องศึกษาให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจเลี้ยงค่ะ”

วิวบอกว่า มีความรู้แล้ว ก็ต้องมีเวลาด้วย เพราะหากมีคนแจ้งว่าเราไม่พาน้องหมาออกไปเดินนอกบ้าน หรือหมาของเราส่งเสียงรบกวนจนผิดปกติ ทางรัฐจะมีเจ้าหน้ามาตรวจสอบและสามารถแยกน้องหมาไปยังศูนย์พังพิงได้ค่ะ

อ้อ… และคิดจะเลี้ยงหมา ก็ต้องจ่ายภาษีด้วยค่ะ

“ภาษีสุนัขจ่ายเป็นรายปีค่ะ ขึ้นอยู่กับแต่ละเมือง ซึ่งมีรายละเอียดแตกต่างกันไป ส่วนการจูงน้องหมาออกไปทำธุระนอกบ้าน ที่เยอรมันต้องมีถุงเก็บอึน้องหมาด้วยค่ะ ถ้าไม่เก็บอาจจะโดนปรับได้ ทำให้ตามทางเท้าที่นี่ส่วนมากจะสะอาด”

ฟังแล้ว สรุปได้ว่า เลี้ยงหมาที่เมืองไทย ง่ายกว่าที่เยอรมนีเยอะเลยนะคะเนี่ย

……….

สุดท้าย วิวขอฝากไปถึงคนที่กำลังคิดจะเลี้ยงหมาค่ะ

“อยากให้คนที่เลี้ยงน้องหมามีความรับผิดชอบต่อน้องหมาและสังคมด้วยค่ะ บางคนเลี้ยงน้องเป็นลูก แต่สปอยล์น้องเกินไป ปล่อยให้น้องเป็นใหญ่ในบ้าน ข่มทุกคน เวลาไปหาสัตวแพทย์หรือช่างตัดขนก็จะลำบาก ยิ่งถ้าเป็นสายพันธุ์ขนยาวแล้วไม่มีวินัย ไม่แปรงขน น้องหมาจะมีสังกะตังเยอะ ช่างก็จำเป็นต้องโกนขนน้องออกหมด”

“อีกอย่างการทำหมันก็สำคัญค่ะ ช่วยลดปัญหาสุนัขจรจัด หรือการทิ้งสุนัขที่ไม่ต้องการได้ อยากให้ทุกคนใส่ใจหากจะเลี้ยงน้องหมาซักตัว เค้าจะอยู่กับเราเพียง ๑๐ – ๑๕ ปี เท่านั้นเองค่ะ”

……….

ติดตามภาพความน่ารักของน้องหมาทั้งหลายที่วิวได้มีโอกาสดูแล ได้ที่

เพจ https://www.facebook.com/Dogview.H/

Instagram: DOGView.H

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับกฎหมาย หน้าที่และค่าใช้จ่ายการเลี้ยงหมาได้ที่

https://recht.nrw.de/lmi/owa/br_text_anzeigen…

#thpplineurope #ช่างตัดขน #ช่างตัดขนน้องหมา #อาชีพใหม่

Message us